เชื่อว่ามีหลายคนเลยที่ต้องโดยสารเรือไปทำงาน และผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น...
อันที่จริงมีหลายเส้นทางที่ไปยังที่ทำงานได้ ซึ่งผมมองว่าเป็นเส้นทางที่สะดวก หลีกเลี่ยงรถติดได้มากที่สุด แต่ก็อย่างว่า ของแบบนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่สำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น อาจจะเทน้ำหนักไปที่ข้อเสียสะมากกว่า
" เอาวะเพื่อการเดินทางที่รวดเร็วไปทางเรือแล้วกัน "
ที่จริงแล้วตัวผมเองก็ผ่านที่ท่าเรือนี้แทบทุกวัน แถมลอดใต้น้ำสะอีก ไม่เคยเลยที่จะได้นั่งเรือ แต่ในเมื่อสถานการณ์มาขนาดนี้แล้วจำใจต้องนั่ง
วันแรกที่มารอขึ้นเรือที่ท่าเรืออโศก สภาพที่เห็น เอิ่ม.... นี่หรือคลองแสนแสบ คือปกติก็แค่นั่งรถผ่าน ไม่ก็แค่ออกจากรถไฟฟ้าสถานีเพชรบุรี ข้ามสะพานลงเดินถนนอโศก มันก็คิดแค่ว่าก็แค่คลองธรรมดา
แต่นี่!! มาสัมผัสชิดขอบเวที มันทำให้รู้สึกว่า " อกพี่กลัดหนอง พี่หมองดั่งคลองแสนแสบ " ผมนี่หมองทันทีเลย คือต้องมาเจอสภาพแบบนี้ทุกวันเลยหรือเนี่ย สัมผัสกับน้ำกลิ่นอโรม่า ที่คิดว่า ป้าเช้งแกเอามาแทแจกให้คนกรุงเทพได้ใช้กันฟรีๆ สะอีก
แต่นี่!! มาสัมผัสชิดขอบเวที มันทำให้รู้สึกว่า " อกพี่กลัดหนอง พี่หมองดั่งคลองแสนแสบ " ผมนี่หมองทันทีเลย คือต้องมาเจอสภาพแบบนี้ทุกวันเลยหรือเนี่ย สัมผัสกับน้ำกลิ่นอโรม่า ที่คิดว่า ป้าเช้งแกเอามาแทแจกให้คนกรุงเทพได้ใช้กันฟรีๆ สะอีก
แต่เอาเถอะ นั่งไปทุกวันก็คงชินเอง!!
หลักการรอเรือก็ไม่มีอะไรมาก แค่สังเกตุว่ามันมาทางไหน แสดงว่ามันไปสุดสายที่นั่น แหม..วันแรกเปรมเลยสิครับ เปปเดียวมาแล้ว " หึหึ เห็นมั้ยเปปเดียวเรือก็มาแล้ว ไม่ช้าเหมือนรถเมล์ "
จากนั้นก็รอผู้โดยสารขึ้นจากเรือ แล้วเราค่อยลงไปหาที่นั่งว่างๆ ริมขอบ ไม่ก็ใครชอบยืนก็ตามสะดวก แต่ผมนี่ขอนั่งดีกว่า เกิดมีเหตุการณ์เรือดริฟต์หรือเบรกกะทันหัน แล้วผมกระเด็นตกน้ำนี่จมเลยนะ ว่ายน้ำไม่เป็น และลองนึกสภาพจมใต้คลองแสนแสบระดับออกซิเจนต่ำกว่ามาตรฐาน จบข่าวแน่
เมื่อได้ที่นั่งแล้ว รอมั่นใจว่าผู้โดยสารขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว เรือก็ออกไปยังท่าน้ำถัดไป
ในระหว่างนั้นเองจะมีพนักงานมาเก็บค่าโดยสาร ที่ไต่เชือกมา พร้อมใช้สกิลการทรงตัวนิดหน่อย ผมก็ได้ยื่นตังไป 20 บาท แล้วนั่งนิ่งๆ สักพักพนักกงานถามว่าไปไหนครับ
ในช่วงเวลานั้นคิดว่าเป็นรถเมล์ 9 บาทตลอดสาย ยื่นปุ๊บทอนปั๊บ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเขาคิดตามระยะทาง จากนั้นเขาก็ได้ทอนมา 6 บาท เท่ากับว่าจากอโศกไปวัดเทพลีลา 14 บาท เท่านั้น
เมื่อได้ที่นั่งแล้ว รอมั่นใจว่าผู้โดยสารขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว เรือก็ออกไปยังท่าน้ำถัดไป
ในระหว่างนั้นเองจะมีพนักงานมาเก็บค่าโดยสาร ที่ไต่เชือกมา พร้อมใช้สกิลการทรงตัวนิดหน่อย ผมก็ได้ยื่นตังไป 20 บาท แล้วนั่งนิ่งๆ สักพักพนักกงานถามว่าไปไหนครับ
ในช่วงเวลานั้นคิดว่าเป็นรถเมล์ 9 บาทตลอดสาย ยื่นปุ๊บทอนปั๊บ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเขาคิดตามระยะทาง จากนั้นเขาก็ได้ทอนมา 6 บาท เท่ากับว่าจากอโศกไปวัดเทพลีลา 14 บาท เท่านั้น
สิ่งที่ทำให้คนขึ้นเรือครั้งแรกคือแล้วสรุป เมื่อไหร่จะถึงท่าเรือวัดเทพลีลา
ก่อนหน้านี้ก็ได้ศึกษาเส้นทางมาบ้าง ว่าลงถัดจากท่าเรือไหน ในช่วงที่นั่งเรือก็ได้จอดตามท่าต่างๆ แต่ละท่าก็มีป้ายบอกว่าท่าเรือถัดไปคือท่าอะไร
แต่เชื่อเถอะครับ คนขึ้นครั้งแรก งง!! แล้วตรูควรจะกะจังหวะลงตอนไหน มันจะจอดเลยท่าไหม มันต้องกดกริ่งเหมือนรถเมล์ไหม คนขับเรือหรือพนักงงานจะประกาศไหมต่อไปท่าอะไร คำตอบคือ เงียบ!!
เหมือนราวกับว่า เอ็งต้องดูเอง หรือ สังเกตุจากเพื่อนร่วมทางเอา ว่าเมื่อไหร่ที่เขายืน นั่นละเตรียมตัว
ใจคิด " ถ้าบอกแบบรถไฟฟ้าก็คงจะดี ให้คนขับตะโกนว่า สถานีต่อไปวัดเทพลีลา Next Station Wat Thepleela ก็คงจะดีไม่น้อย "
ตลอดการเดินทางด้วยเรือคลองแสนแสบตอนเช้า บอกเลยว่า ผมมองทุกจุดสังเกตุ " นั่นแน่ก่อนถึงท่านี้มีไอนี่ ก่อนถึงตรงนี้มีไอนั้น รับรองนั่งครั้งต่อไป โปรแน่นอน 55555555555 "
และแล้วก็มาถึงวัดเทพลีลาโดยปลอดภัย พร้อมต่อมอเตอร์ไซด์วิน ไปออฟฟิส
แต่เชื่อเถอะการนั่งเรือคลองแสนแสบไม่ได้แค่นั่งชิลๆ มันมีอะไรที่มากกว่านั้น
แต่เชื่อเถอะการนั่งเรือคลองแสนแสบไม่ได้แค่นั่งชิลๆ มันมีอะไรที่มากกว่านั้น

0 ความคิดเห็น