One Day Story : ค่ำคืนยาวนานที่ Asia Tique

 

อากาศดีๆแบบนี้น่าจะไปสัมผัสบรรยากาศริมน้ำที่ไหนสักแห่ง One Day Story ในพาร์ทนี้พบกับสถานที่บรรยากาศดีติดแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ ASIATIQUE THE RIVERFRONT (ท่าเรือเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์)


สำหรับการเดินทางไปที่ Asia Tique นั้นสามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นทางรถไฟฟ้า รถยนต์ รถเมล์ เรือ หรือแม้กระทั่งเครื่องบิน เย้ย!! ( ถ้าเครื่องบินไปได้คงเท่น่าดู ) ถ้าใครไปไม่ถูกก็เข้าไปชมที่เว็บนี้ได้เลย http://www.thaiasiatique.com/index.php/th/view/page/getting-here ซึ่งจะเปิดทำการในเวลา 16.00 น.- 24.00น.


สำหรับตัวผมคงเดินทางด้วย รถไฟฟ้า..มหานะเธอ ก็ยืนรอรถไฟฟ้ามุ่งสู่เส้นทาง


และแล้วก็มาถึงสถานนีรถไฟฟ้าสะพานตากสิน เดินออกทางออกที่ 2 เดินทางไปสู่ท่าเรือสาธร 


ในตรงนี้ก็จะต้องต่อเรือไปที่ Asia Tique มีเรือทั้งที่่ฟรีและเสียเงิน ใครสะดวกทางไหนก็ตามสบายได้เลยนะ สำหรับเรือฟรีนั้นเป็นของ Asia Tique เลย อาจจะรอนานและคนค่อนข้างเยอะ ก็ถือว่าคุ้มค่าที่รอ ( เพราะมันฟรีนี่นา ฮ่าๆ) แต่ถ้าใครอยากเสียเงินก็ 20 บาท เป็นเรือทั่วไป 

สำหรับผมแล้วก็ต้องของฟรีสิครับ แหะๆ แต่คนต่อแถวยาวมากมาย ทนรอได้ ไม่นานก็ได้ขึ้นแล้ว : D


เมื่อขึ้นเรือแล้วก็ใครมีกล้องดีดีก็หยิบยกขึ้นมาถ่ายบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างสบายใจ  แต่น่าเศร้ากล้องผมมันตัวเล็กๆเลยถ่ายได้ไม่ค่อยดีในที่มืด เศร้าเลย


ในที่สุดก็มาถึงฝั่งฝันที่ Asia Tique จนได้ รอดแล้ว เย้ๆ




เมื่อมาถึงแล้ว ไปไหนต่อดีนะ มาแบบไม่รู้ว่าที่นี่ มีอะไรที่น่าสนใจมั่งเลย เอางี้ละกันเดินไปหาแผนผังของที่นี่ก่อนละกัน


เอาละก็มาถึงจุดที่แจกแผนผังของที่นี่ละ พร้อมกับเจอป้ายที่แสดงถึงส่วนต่างๆของที่นี่


สังเกตุได้ว่าในพื้นที่แห่งนี้ก็จะมีการจัดแบ่งเป็นโซนๆ ที่เรียกว่าโกดัง อยู่ทั้งหมด 10 โกดังด้วยกัน ซึ่งในแต่ละโกดังก็จะมีสินค้าและร้านอาหารแบ่งแยกออกมาเป็นส่วนๆด้วยกัน



เมื่อเข้าไปดูแต่ละโซนก็จะมีแยกย่อยไปหลายๆตรอก ซึ่งถ้าหากใครมีร้านประจำหรือร้านที่เล็งๆไว้อยู่แล้วก็สามารถมุ่งตรงไปยังโกดังและตรอกที่อยู่ของร้านได้เลย เพราะถ้าหากลืมร้านแล้วจะหาเหนื่อยมาก ร้านเยอะมากมายจำไม่หมดเลย (มึนแหะ...)



เอาละ!! ทีนี้ก็เริ่มสำรวจที่สำคัญๆได้เลย ทีแรกที่เราจะไปกัน แทบจะพูดได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ นั่นคือ ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ ซึ่งจะอยู่ในส่วนของ Asia Tique Park  เดินไปเรื่อยๆ พอไปถึง ณ จุดนี้ อื้อหื้อ!! ใหญ่จริงๆ แหะ!! (ออกอาการเยอะไปไหม 555 )



ไหนๆ ก็มาทั้งทีแล้ว ก็เกิดอาการอยากนั่งสักเล็กน้อย เดินไปดูราคาสะหน่อยดีกว่า


พอเห็นราคาแล้ว เอิ่ม.... อยากนั่งแหะ แต่ตังในกระเป๋าไม่พอ ไว้รอมีงบเยอะกว่านี้ค่อยนั่งแล้วกัน แต่แหมถ้าเราเป็นเด็กตัวน้อยๆก็คงดีสิเนอะ : P ก็เลยแอบส่อง ว่าเขาขึ้นกันยังไงดีกว่า สบายใจ


เสร็จสิ้นจากจุดนี้พร้อมด้วยความที่ว่า อยากเล่นๆ แต่ปัจจัยไม่พร้อม ก็เรามาคนเดียวนี่เนอะ ถ้ามาเป็นคู่ก็ว่าไปอย่าง อิอิ เพ้อพอละ ตอนเดินมาเห็นจุดหนึ่งแว็บๆที่น่าสนใจ เลยเดินทางไป แต่ตอนที่จะเดินไปเห็นน้องสองคนถือป้ายอะไรบางอย่างอยู่ เลยถ่ายรูปแชะ!! มาให้ชม


ป้ายนั้นเขียนว่า Free Hug และ กอดฟรี โอ้โห!!  เห็นแล้วอยากเข้าไปกอดจริงๆนะ แต่เสียดายเราไม่ได้ถามจริงจังว่าให้กอดได้หรือไม่ บางทีอาจจะเป็นแค่มุก เพราะเห็นเพื่อนอีกคนถ่ายรูปให้  ไอเราก็เดินผ่านไป หันหลังไปอีกที หายไปสะละ แหม พลาดเลยเรา (เข้าไปกอดเขา เขาคงกลัวเราน่าดู หน้าตาแบบเราอันตราย 555) แต่ช่างเถอะเราก็มุ่งหน้าสู่จุดมุ่งหมายของเราต่อไป

จากจุดนี้ขอเรียกว่าหอนาฬิกา จะอยู่ติดกับร้านอาหารตรงโกดัง 6


จุดนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นจุดนัดพบก็ได้ หรือจะมาถ่ายรูปก็ได้ ( มันก็ได้อยู่แล้วนิ ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย ) แต่จริงๆแล้วไฮไลท์จุดนี้อยู่ที่บริเวณส่วนย่อมที่มีรูปปั้นของ Juliet 


ในตรงจุดนี้ ขอเรียกว่าคู่รักส่วนใหญ่มานิยมมาห้องกุญแจคล้องคู่กัน ( เหมือนกับที่ หอคอยกรุงโซล Seoul Tower ที่ประเทศเกาหลีนั่นเอง ) จะได้รักกันยืนยาว ส่วนตัวผมก็อยากจะคล้องเหมือนกัน แต่เรามาตัวคนเดียว พูดง่ายๆคือคนโสด นั่นเหละจะคล้องกับใคร T_T






แต่จากการที่ผมเดินสำรวจไปรอบๆ ก็มีแบบมาเป็นครอบครัวยกแพคคล้องกันหลายชิ้น เห็นแล้วก็ทำให้เห็นได้ว่า การที่จะมาคล้องกุญแจที่นี่ไม่จำเป็นว่าต้องมาแบบคู่รัก มาเป็นครอบครัวก็คล้องได้เช่นกัน



เมื่อชมความหอมหวานไปสะทั่วบริเวณนี้แล้ว ก็มีอีกบริเวณที่น่าสนใจคือการได้นั่งรถราง โอ้!! ว้าว!! สมัยนี้มีด้วย จะอยู่ตรงบริเวณช่วงระหว่างโกดัง 9 กับ โกดัง 10 และ โกดัง 1 เป็นการให้ได้สัมผัสการนั่งรถรางแบบแท้ๆ ดั่งเดิม


วิ่งแล้ว!! Let's Go!!



จากที่สัมผัสบรรยากาศยังจุดต่างๆ เดินจนเหนื่อยก็เดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงทางออกอีกทาง ถ้าหากใครที่ไม่ได้มาจากทางฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาก็สามารถนั่งรถมายังเส้นถนนเจริญกรุงได้เช่นกันก็จะมีทางเข้าให้อีกทาง




ณ ตอนนี้เวลาก็เริ่มดึกมากแล้ว คงได้เวลากลับสะที บวกกับเวลาเรือรับ - ส่ง ฟรี ของ Asia Tique เที่ยวสุดท้ายก็ใกล้จะออก ( เวลา 23 : 30 )  แต่เวลายังเหลืออีกนิดหน่อยก็เดินเที่ยวชมบรรยากาศระหว่างทางไปท่าเรือสักเล็กน้อย ( เดินไปเดินมาชอบที่นี่มากมาย เพลินดี ) 




และแล้วก็มาถึงทีท่าเรือยืนรอต่อคิว ( อย่างยาวเลย!! ) ที่จะขึ้นเรือกลับเข้าไปสู่ท่าเรือสาธรที่เรามาในตอนแรก


หลังจากที่รอเป็นเวลานาน ( รอรอบที่สองกว่าจะได้ขึ้น รอบก่อนหน้านี้เต็มสะก่อน ) ก็ได้ขึ้นบนเรือแล้ว เย้ๆ ได้กลับบ้านอย่างสบายใจ



การมา Asia Tique ในค่ำคืนที่แสนยาวนานนี้  ได้สัมผัสกลิ่นอายของความสุขกับการมา ณ สถานที่แห่งนี้ ได้พบเจอกับสิ่งต่างๆ ที่ไม่ได้พบเห็นจากที่อื่น บรรยากาศที่แสนอบอุ่น โรแมนติก ชมแสงไฟยามค่ำคืนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ช่วยผ่อนคลายจากสิ่งต่างๆได้เป็นอย่างดี  เชื่อว่าผู้ที่มาสัมผัสบรรยากาศที่นี่จะต้องกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน...

One Day Story : ASIATIQUE THE RIVERFRONT (ท่าเรือเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์)

Comment ทิ้งท้าย

ถ้าใครมาช่วงประมาณ 6 โมงเย็น จะได้ภาพสวยๆ  ตอนพระอาทิตย์ตกดินด้วยนะ


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น