One Day Story : ปั่นเลาะเส้นทางสัมผัสธรรมชาติที่ "บางกระเจ้า"

นานมาแล้วนะครับ ที่ผมไม่ได้ออกเดินทางแบบเต็มๆ วันสักที มีคราวนี้ผมได้ตัดสินใจออกเดินทางทีเขาเรียกกันว่าเป็นแหล่งที่ "สามารถสูตออกซิเจนกันได้อย่างเต็มปอดเลยทีเดียว" ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพนั่นคือ "บางกระเจ้า" นั่นเอง



ก่อนอื่นเลยการเดินทางนั้น สามารถไปได้หลายเส้นทางนะครับ ขึ้นอยู่กับว่าใครสะดวกทางไหนมากที่สุด ดูได้จากแผนที่ด้านล่างนี้ครับ

( ภาพจาก : http://www.bikeforlifethai.com )

ส่วนตัวผมแล้วเส้นทางที่ผมสะดวกที่สุดก็คือ รถไฟฟ้าบีทีเอส ครับ ได้ไปลงที่สถานีบางนา และได้เดินมาขึ้นรถที่วัดบางนาใน ไปยังท่าเรือวัดบางนานอก ราคา 20 บาทแต่ถ้าไปขึ้นตรงสี่แยกบางนาก็ถูกกว่านี้ครับ

และแล้วก็มาถึงยังวัดบางนานอก ขอบอกเลยว่า วันที่ไปอากาศร้อนมากๆๆ


ซึ่งเมื่อเราเดินเข้าไปในวัดสังเกตทางซ้ายนะครับ จะมีป้ายบอกว่าท่าเรือนี้จะมีเรือข้ามฟากไปยังตลาดน้ำบางน้ำผึ่ง ซึ่งเราก็ต้องรอเรือข้ามฟากมารับเราครับ โดยถ้าใครจะมาก็วางแผนการเดินทางได้นะครับ เที่ยวแรกออกประมาณ ตีห้า เที่ยวสุดท้าย สามทุ่มครึ่งครับ



ในช่วงระหว่างที่รอก็ไปยืนตากแดดเล่นตรงโป๊ะ ให้ผิวเข้มขึ้น ( ปกติก็ผิวเข้มอยู่ละ 555 ) พร้อมกับถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยเปื่อย พร้อมร้องเป็นเสียงเพลง " พี่เป็นหนุ่มลุ่มเจ้าพระยา ล่องเรือไปขายค้า เดินทางมาหลายร้อย กิโล" แต่อย่าให้ร้องออกคลิปนะ เสียงไม่ดี 55555




จากนั้นก็กลับเข้ามาหลบแดดในศาลา เพราะร้อนมาก.. แต่แล้วก็พบสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น

นั่นคือ หมาเก้า ขา จนผมนี่ต้องรีบไหว้เลย


เย้ย!! ก้าวขา ต่างหาก !!!  เกือบไปละ

และแล้วช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง เรือมาแล้ว เย้ๆ การพจญภัยได้มาถึง พร้อมที่จะเริ่มทริป One Day Story แล้ว.... ( OH oh oh oh oh OH oh oh oh oh Here we go , Here we go , Here we go และไม่มีใครจะหยุดพวกเราไหว! )




โดยเรือที่เราจะข้ามฟากนั้นสามารถนำมอเตอร์ไซต์หรือจักรยานขึ้นเรือไปด้วยได้ครับ เห็นไว้ว่าตอนขึ้นนั้นมีขึ้นมาเต็มเรือเลย และแล้วเมื่อผู้โดยสารเต็ม เรือก็ได้ออกเดินทางข้ามฟากไปยังอีกฝั่ง


และแล้วเราก็มาถึงอีกฝั่งแล้วครับ ซึ่งจะมาจอดที่วัดบางน้ำผึ้งนอก ค่าโดยสารเพียง 4 บาทเท่านั้น ( สำหรับมอเตอร์ไซต์อันนี้ผมไม่ทราบราคาครับ ) โดยสถานที่แรกที่ผมจะไปก็คือตลาดน้ำบางน้ำผึ้งครับ แต่อย่าพึ่งเข้าใจว่าตลาดน้ำอยู่แถวนี้นะครับ เพราะในส่วนของตลาดน้ำนั้นจะต้องเดินทางไปยังวัดบางน้ำผึ้งในครับ อยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 2-3 กิโลเมตร สามารถโดยสารโดยมอเตอร์ไซต์หรือจักรยานก็ได้ครับ



แต่แหม...มาทั้งที ก็ต้องจักรยานแน่นอน และร้านเช่าจักรยานก็อยู่ใกล้กับท่าเรือที่เราขึ้นมาเลย โดยค่าเช่านั้น ชั่วโมงละ 30 บาท, 2 ชั่วโมง 30 บาท และเหมาทั้งวันก็ 80 บาทครับ


และนี่ก็คือจักรยานของผม แท่น แท่น แท๊น... สีชมพูหวานแหววเลย ( ให้มันเป็นสีชมพู แค่ให้หัวใจของเราได้รู้ ) โดยทางร้านจะให้แผนที่มาหนึ่งแผ่นเพื่อให้เราสามารถวางแผนการเดินทางได้เลยครับ โดยผมก็จะเริ่มปั่นลัดเลาะไปทางซ้ายครับ เห็นว่าทางที่จะไปนั่นจะลัดเลาะสวน ทำให้ได้สัมผัสถึงธรรมชาติเลยทีเดียว








ปั่นไปไม่ทันไรมาเจอกับป้าย...พบรัก อร๊ายยยย นี่เราจะเจอกับความรักแล้วหรือนี่!!




แบบนี้ต้องไปตามหาสะแล้ว แต่เดี่ยวๆ เราไปจะไปตลาดน้ำไม่ใช่หรอ... ใจคิดเอาน่าปั่นไปเรื่อยๆ ไว้เจอความรักค่อยจอด

เส้นทางที่ไปนะครับ ค่อนข้างจะแคบนิดหน่อย ถ้ามีรถสวนมาก็หลบข้างทางสักนิดนะครับผม ต้องบอกเลยว่าตลอดเส้นทางนั้น อากาศดีมากๆ มีต้นไม้ตลอดเส้นทาง เนื่องจากเส้นทางนั้นได้ผ่านสวนต่างๆของชาวบ้านด้วย





เมื่อเราปั่นตามทางมาเรื่อยๆ บางทีก็อาศัยเซนส์นิดนึ่งนะครับ เพราะบางจุดไม่มีป้ายบอกทางว่าไปไหน แต่มาถึงจุดๆนี้ ไม่มีหลงครับ ( ไว้อ่านตอนท้ายเถอะ!! ) และก็มาถึงตลาดน้ำบางน้ำผึ้งจนได้ Mission Complete ซึ่งเราไม่สามารถนำจักรยานเข้าไปในตลาดได้นะครับ ต้องจอดด้านนอก


เมื่อเรามาถึงจะพบว่า จะมีทั้งผลิตภัณฑ์ต่างๆของชาวบ้านที่นำมาขาย กระเป๋า เครื่องสาน ยาหม่อง สารพัด หากใครสนใจก็เชิยเลือกซื้อได้เลย สำหรับผมนี่ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หึหึ ต้องหาของกินสิครับ



สิ่งแรกที่สะดุดตาก็คือ บอลชีส ชีสบอล  ( จะเขียนสลับทำไมฟะ ก็อย่างเดียวกันอะแกร.. ) ด้วยคารมของพ่อค้า ทำให้ต้องจัดมา 3 ลูก 3 รสชาติ


แนะนำว่าให้กินทีเดียว 3 ลูกเลย เย้ย!! ใครจะไปกินได้ ตอนผมกินนี่ก็กิน 1 ลูก 1 คำเลยนะ เรียกได้ว่าเต็มปากเต็มคำเลยทีเดียว จากการที่ชิมทั้ง 3 รสส่วนตัวแล้วชอบ ชีสกุ้ง ครับ


เดินไปชิมก็จะเจอโซนที่ขายต้นไม้นานานชนิด ถ้าใครสนใจจะซื้อไปปลูกที่บ้านก็เลือกซื้อได้ตามสะดวกเลย



จากนั้นเดินมาเรื่อยๆ ก็จะพบกับส่วนของตลาดบางน้ำผึ้งอีกโซน หนึ่งบอกได้เลยว่าของกินโซนนี้เพียบ!! อย่างเช่น ตะโก้ ขนมเบื้อง โรตีกรอบ มันเผา พูดง่ายๆคือ กินได้ตลอดเลย แต่ก็มีอย่างอื่นด้วยน้า...เสื้อผ้า ของใช้ ก็มี







จะว่าไปชีสบอล 3 ลูกนั้นยังไม่สามารถคลายความหิวได้ เลยต้องขอจัดตะโก้ อีกสักนิด และ ก็น้ำใบเตย เมื่อกินคู่กันแล้วนี่ฟิน สุดๆ



เมื่ออัพพลังในกระเพาะแล้ว ก็ออกลุยต่อ

ในตลาดน้ำบางน้ำผึ้งนั้นจะมี จุดๆหนึ่งที่น่าสนใจคือ จุดให้นมปลาคร์าฟและให้อาหารแพะ ตอนไปนั้นเห็นพี่ๆ ทหารให้นมปลาคร์าฟกันสนุกสนาน เจ้าปลาที่รุมกันเพียบ ส่วนผมก็ไปอีกโซนหนึ่งที่ให้อาหารแพะ โดยแพะแต่ละตัวนั้นน่ารักมาก




จนอดใจไม่ไหว เลยลองให้นมสักขวดหนึ่งกับเจ้าสามตัวนี้




พอถือขวดนมไปเท่านั้นละ แย่งกันกิน ถ้าพูดภาษาแพะได้คง จะบอกว่า " ใจเย็นๆ ลูก  แบ่งๆกัน แบะ แบะ"



 นอกจากในส่วนของตลาดน้ำแล้ว ยังมีส่วนของวัดบางน้ำผึ้งใน ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ มหามณฑปเจดียืศรีนครเขื่อนขันธ์ ที่ออกมาแบบมาได้อย่างงดงามมากๆครับ



จากตลาดน้ำสถานที่ต่อไปที่จะเดินทางไปก็คือ สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ โดยจะห่างจาก ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งประมาณ 4 กิโลเมตรครับ ถ้าเราปั่นตามเส้นทางจากแผนที่ให้มา ไม่มีหลงแน่นอนครับ เพราะมีป้ายบอกตลอดเส้นทาง สบายใจได้เลย

มาถึงแล้วววว


สำหรับบรรยากาศที่นี่ จะคล้ายๆกับ สวนรถไฟ ที่กรุงเทพนะครับ สามารถนำจักรยานเข้าไปปั่นได้อย่างสบายเลย แต่จะแตกต่างที่ว่า ที่นี่จะมีความเป็นธรรมชาติมากกว่า และได้มีแหล่งสำรวจธรรมชาติอีกด้วย



ก็ได้ปั่นไปเรื่อยๆครับ จนมาพบกับ สะพานเขื่อนขันธ์มรรคา โดยสะพานนี้เป็นสะพายไม้ ทำสร้างข้ามบึงน้ำ เป็นที่ที่เหมาะกับการถ่ายรูปมากครับ อ่อ แต่บอกก่อนว่าห้ามนำจักรยานขึ้นนะ




ทริปนี้มาคนเดียวแหะ ไม่มีใครถ่ายรูปตัวเองให้ กระซิกๆ แต่ไม่เป็นไร ถ่ายรูปของเล่นที่พกมาก็ได้  แท่น แท่น แท๊น เจ้าสเมิร์ฟ ตัวน้อย นั้นเอง ถ้าใครได้ติดตามที่ Instagram ผมจะพบว่าผมมีรูปที่ถ่ายเจ้านี่บ่อยมาก เรียกได้ว่าเป็นนายแบบประจำตัวเลย และแล้วก็ถ่ายสักรูป


จากนั้นก็ได้ปั่นจักรยานมายัง ระบบนิเวศดงจาก โดยจุดๆนี้เป็นการศึกษาระบบนิเวศต้นจาก พร้อมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา





สังเกตุได้ว่าตลอดเส้นทางจะมีจุดศึกษาระบบนิเวศทางธรรมชาติให้เราศึกษาอยู่มากมาย




แต่จุดหนึ่งที่ผมชอบมาก เสมือนกับเราได้ปั่นจักรยานตามภูเขาหรือป่าเลยทีเดียว ซึ่งจะอยู่ถัดจากจุดศึกษาต้นลำเก็ง และขับมาเรื่อยๆ จะเป็นทางดิน ให้เราสามารถปั่นจักรยานเข้าไปได้



โดยถ้าปั่นไปเรื่อยๆ ทำให้รู้สึกเหมือนกับปั่นลุยตามป่าเขา เลยทีเดียว และยังได้จำลองระบบนิเวศแบบป่าเชยเลน ถ้าได้ลองหยุดรถจักรยานสักพักจะได้ยินถึงเสียงน้ำไหล เสียงนก พร้อมสัมผัสสูดออกซิเจนได้อย่างเต็มปอด





เมื่อผมดูเวลาแล้วก็เป็นเวลาที่เย็นมากๆแล้ว แต่การเดินทางยังไม่จบเพียงเท่านี้ จากแพลนที่ผมวางไว้ ที่สุดท้ายก็คือ พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 1.5 กิโลเมตร


เมื่อมาถึงที่นี่ให้เรามานำจักรยานจอดและลงทะเบียนก่อนเข้าชมในพิพิธภัณฑ์ และก็ให้เรานำบัตรติดตัวเข้าไปนะครับ


ภายในก็จะมีจุดแสดงสายพันธ์ปลากัดชนิดต่างๆ มาให้เลือกชมนะครับ ที่ใส่ขวดโหลไว้อย่างสวยงาม






โซนนี้ก็จะเป็นโซนของแบ่งการเจริญเติบโตของปลากัดในแต่ละช่วง




โซนคลีนิกปลากัด ที่จะนำปลากัดที่บาดเจ็บนำมารักษา โดยการแช่สมุนไพรที่ช่วยรักษาปลากัดอาการต่างๆ เพื่อเป็นกรณีศึกษาด้วยครับ



ภายนอกตัวอาคาร ยังมีบ่ออนุบาล ที่ใช้ในการเพาะพันธ์ปลากัดให้ได้ชม




เมื่อเดินโดยรอบก็จะพบกับศาลาทรงไทย หากขึ้นด้านบนก็จะพบกับรูปปั้น สมด็จพระนเรศวรมหาราช และ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ให้ได้กันอีกด้วย




เมื่อเดินบริเวณลาดหน้าศาลา ก็ได้ไปสะดุดตากับสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือ หุ่นกระถางต้นไม้!!! นั่งอยู่บนเก้าอี้ ต้องขอชื่นชมเลยนะครับ ว่าไอเดียบรรเจิดมาก



เมื่อมองเวลาก็ได้เวลากลับแล้ว ซึ่งผมก็ได้เปิดแผนที่มาเลยมองเส้นทางกลับ โดยสามารถกลับได้อีกทางที่ไม่ใช่ทางเดิม ด้วยความอยากรู้เลยตัดสินใจไปอีกเส้นทาง เมื่อขับไปได้สักระยะพบว่า เฮ้ย!! เมื่อไหรจะถึงจุดสักที ( บริเวณท่าเรือเพชรหึงษ์ ) ดันไปโพล่ตรงวัดราษฏรัรังสรรค์ งงเลยทีนี้ หลงแล้วตู!! T_T จนต้องไปถามลุงขายของ ลุงก็บอกไว้ไปส้นทางนี้นะ สุดท้ายแล้วก็มาถึงวัดบางน้ำผึ้งนอกจนได้ ( ขอบคุณลุงแกจริงๆ ไม่งั้นได้นอนที่บางกระเจ้าแน่ 5555



เมื่อมาถึงที่วัดบางน้ำผึ้งนอกแล้ว ก็คืนจักรยาน พร้อมกับจ่ายเงิน 80 บาท และพี่เจ้าของร้าน ก็ให้หยิบน้ำดื่มและผ้าเย็นได้แบบฟรีๆเลย ทีเดียว  ทำให้หายเหนื่อยจากการปั่นจักรยานจากหลายๆที่ และ หลงทางอีกด้วย 555



และก็เตรียมรอขึ้นเรือกลับไปยังที่ท่าเรือวัดบางนานอก และเตรียมนั่งรถกลับไปยังบ้าน




บ๊าย....บาย



สำหรับทริป One Day Story ครั้งนี้นะครับ ก็เป็นทริปที่ประทับใจนะครับ ได้สัมผัสถึงธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพเลย ได้อิ่มท้องไปกับการกินของอร่อยๆที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ได้เห็นระบบนิเวศ สัมผัสบรรยากาศดีดี สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ พร้อมทั้งได้เห็นสายพันธ์ปลากัดต่างๆ และได้ขับรถหลงทาง เย้ย!! แต่สุดท้ายก็มาถึงปลายทางโดยปลอดภัย พร้อมน้ำดื่มเย็นๆ หากใครอยากจะมาสัมผัสบรรยากาศดีดี ของกินอร่อย ลองมาได้ที่ บางกระเจ้า แห่งนี้นะครับ

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น