การโฆษณาก็เป็นการตลาดอย่างหนึ่ง ที่เป็นเสมือนเวทย์มนต์ที่สะกดจิตให้คนคล้อยตามและตัดสินใจเลือกซื้อสินค้านั้นๆ เป็นเพราะความคุ้นเคย ที่เห็นตามสื่อต่างๆ อยุ่ทุกวัน จนกลายเป็นที่มีของคำว่า " เหยื่อการตลาด "
ผมตัดสินค้าเขียนเรื่องนี้เพราะในปัจจุบันนี้ทุกคนก็ได้เลือกซื้อสินค้าใช้บริการต่างๆ อยู่มากมาย คนกลายเป็นเหยี่อการตลาด ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวผมเอง จึงได้เฟ้นหา งัดเงาะ กลวิธีต่างๆ ที่ทำให้เรากลายเป็นเหยื่อยในที่สุด
เลขสองไม่ปรากฏต้องที่หนึ่งเท่านั้น
บ่อยครั้งที่เราไปตามร้านในย่านต่างๆ จะมีคำโปรยว่า เจ้าเก่า ต้นตำหรับ สูตรดังเดิม สูตรมาจากยุคไดโนเสาร์ หรือแม้แต่การเลือกซื้อสินค้า มักจะมีตัวเลขบ่งบอกว่า เราเป็นที่หนึ่ง เราเป็นเจ้าแรก เช่นสินค้า ก. มียอดขายอันดับหนึ่ง, สินค้า ข ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง แต่สุดท้ายมักมีเครื่องหมายดอกจันเล็กๆ ว่าเป็นของปีนั้นปีนี้
"หูย....เธอๆ เนี่ยเขาขายดีที่สุดเลยนะ ได้อันดับ 1 ละ ซื้อๆ เลย"
"อันนี้ดีกว่า คนไว้วางใจมากเลยนะแสดงว่าดีแน่ๆๆๆ เพราะที่ขายดีสุดไม่ได้ว่าว่าจะใช้ดีสุดนี่นา"
"นี่ๆ อันนี้ก็ที่หนึ่งนะ ......."
สรุป อันไหนๆ มันก็ที่หนึ่งไปหมด ซื้อมันสะทุกอันเลย จบ....
ข่าวดีไม่ค่อยอ่าน ข่าวร้ายมาความเร็วแสง
การโฆษณาในบางครั้งอาจจะต้องใช้ทุนสูงเพื่อให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย หรือ ใช้ทุนให้คุ้มค่าที่สุดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมาย แต่ก็มีอีกหลยการโฆษณาที่อาศัยความเสี่ยงของแบรนด์ตัวเองในการสร้างแผลขึ้นมา
ด้านมืดของการตลาดก็มีนะครับ เช่น บริษัท ค ต้องการโปรโมทหนังเรื่องหนึ่ง แต่อยากให้หนังตัวเองมีคนดูเยอะๆ จึงอาศัยข่าวดราม่าสักข่าว อาจจะไปก่อหวอตบนโลกออนไลน์สักที่ จะกลายเป็นกระแสดราม่า คนแชร์จากหลักสอบสู่หลักหมื่น จากเรื่องที่คนไม่รู้จักกลายเป็นคนกระแสที่คนรู้จัก ตามหาดูตัวอย่างหนัง จนไปพิสูจน์ว่าหนังเป็นอย่างไร
แค่นี้เราก็กลายเป็นเหยี่อเขาไปสะแล้ว...
หรือบริษัท ง ต้องการสร้างรายการให้มียอดวิวบน Youtube เยอะๆ อาศัยสร้างข่าวดราม่าบนเว็บบอร์ดหนึ่ง จากคนที่ไม่เคยดูรายการ ก็พาแห่กันไปดู จนยอดวิวจากที่หลักร้อยขึ้นสุ่หลักหมืนภายในพริบตาเดียว และบางทีคนก็จะไปย้อนดูคลิปก่อนหน้านี้ด้วย
เพราะบางทียอดวิวที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าคนจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม มีผลต่อรายได้ หรือค่าโฆษณาของเขาด้วย
และก็กลายเป็นเหยื่อการตลาดของเราโดยปริยาย
สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป เราก็ลืมไปสะแล้ว ...
แต่บอกได้เลยว่าการตลาดแบบนี้ ถ้าไม่แกร่งจริง อย่าไปทำเลย.... อาจจะดับตั้งแต่จุดไฟ แล้วก็ได้
ภาพนี้ใช้ประกอบเพื่อการโฆษณาเท่านั้น
หลายครั้งที่เราเห็นการแชร์ภาพรีวิว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือร้านอาหาร ที่ภาพดูอัลงการเวอร์ ทำให้คนจินตนาการว่า สักวันหนึ่งฉันจะต้องได้ไปเช็คอินที่นี้ให้ได้ แต่เอาเข้าจริง เห้อ....ไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่คิดเอาสะเลย
แต่ถ้ามองลึกๆ แล้ว บทความที่รีวิวจากผู้ที่ไปเยือน บางที่มันมีการโฆษณาแฝงอยู่.......
ในบางครั้งสถานที่หรือร้านต้องหากลยุทธ์ๆ ต่างๆ ที่เรียกลูกค้า ด้วยการทำรีวิวอาจจะเป็นทางร้านเองหรือจ้างให้คนมาชิมอาหารเขียนรีวิว บนเว็บบอร์ด ชนิดที่เรียกว่า ต้องไปให้ได้ก่อนตาย!! เลยทีเดียว
แต่การตลาดแบบนี้ถือได้ว่าเป็นการตลาดที่ดีเยี่ยม สามารถเรียกคนได้มากเลยทีเดียว
แต่อย่าลืมนะครับว่า ถ้ามาตรฐานร้านไม่เป็นไปตามที่รีวิว อาจจะกลายเป็นร้านที่คนไปกินครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็เป็นได้
ซึ่งผมเองก็เคยตกไปเป็นเหยี่อประเภทนี้บ่อยเหมือนกัน และ ก็คงโดนอีก ( ก็ชอบกินนี่นา 555 )
เรตติ้งดี ขอเกาะแน่นๆ หน่อยน้องนะ
การตลาดแบบนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก และเป็นที่พูดถึงอย่างรวดเร็ว โดยการโฆษณาประกอบ ซึ่งเรามักจะเห็นได้ตามรายการ ละคร ต่างๆ เช่น เวลาเราดูละครที่เป็นกระแส ดันมีเพลงดังขึ้นมาสักเพลง "แต่บอกตอนนี้ ไม่รู้จะเป็นอย่างไร"
คนดูอย่างเราคงคิดละว่า " เฮ้ย เพลงอะไรเนี่ย เพราะจัง "
เพลงนั้นก็จะเป็นที่พูดถึงและหาฟังกันอย่างรวดเร็ว จากเพลงที่เคยเงียบๆ ยอดวิวหลักพัน มาหลายปี กลายเป็นหลักแสนเพียงแค่ไม่กี่วัน
แต่เราอาจจะกลายเป็นเหยื่อการตลาดของเพลงโดยไม่รู้ตัว
เพราะบางทีเพลงนั้นอาจจะมีการพูดคุยกับเจ้าของเพลง ว่าขอนำเพลงมาประกอบละคร หรือ แม้แต่ในรายการประกวดร้องเพลง ก็ได้มีการนำเพลงต่างๆที่เราไม่รู้จัก มาร้องให้ฟัง จนกลายเป็นกระแส และเป็นที่รู้จักมากขึ้น
แต่นี่ก็อาจจะเป็นเรื่องดีนะครับ ที่อย่างน้อยๆ ที่ทำให้คนไม่ดัง กลายเป็นที่รู้จักในสังคมได้ ถึงแม้ว่าจะได้เหยื่อไปหลายราย 5555 แต่ถ้าเรามองดีดีแล้ว อย่างน้อยๆ เราก็ได้ฟังเพลงเพราะเพิ่มมาอีกเพลง และ ให้ศิลปินนั้นแจ้งเกิดได้
ถึงแม้ว่าเราจะกลายเป็นเหยื่อการตลาดในรูปแบบต่างๆ ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ทำให้เราได้รู้จักสิ่งต่างๆมากขึ้น จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายอะไรที่เราจะกลายเป็นเหยื่อ อาจจะวินทั้งผู้ส่งและผู้รับโฆษณา แม้ว่าเรากำลังอยู่ในโลกที่มีโฆษณาอยุ่ทุกหนทุกแห่ง ตัวเราเองนี่ละครับที่จะเป็นคนตัดสินเองว่าจะเลือกแบบไหน
และสุดท้ายครับ คุณนั้นละครับ ที่กลายเป็นเหยื่อการตลาดของผม ที่มาอ่านบทความนี้ 555555
ภาพจาก : http://www.businessstudynotes.com
0 ความคิดเห็น