เมื่อผมอยากเรียนขับรถและมีใบขับขี่เป็นของตัวเอง

ก่อนอื่นเลยนะครับผมเองไม่มีความรู้ในเรื่องของการขับรถเลยแม้แต่นิดเดียว เคยเป็นแค่รถจักรยานยนต์เท่านั้นเอง แต่ด้วยความที่ว่าก็ได้ฟังมาคร่าวๆ เรื่องการสอบใบขับขี่ที่มีเกณฑ์ที่จะปรับเปลี่ยนการสอบให้ยากขึ้นเรื่อยๆ



ผมเองก็เลยคิดว่าอยากจะขับรถให้เป็น และมีใบขับขี่ให้ได้...

ต้องขอบอกก่อนว่าจากการที่ผมเป็นคนเดินทางในกรุงเทพเห็นสภาพการจราจรแล้วก็ปวดตับได้เหมือนกัน เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่รถติด แทบจะเป็นลานจอดรถดีดีเลยก็ว่าได้

เริ่มเรื่องเลยก็คือ

ตอนแรกที่บ้านเขาก็สอนให้ แต่เหมือนว่าสอนไปจะทะเลาะกันเปล่าๆ ฮ่าๆ  หลายคนที่เคยมีประสบการณ์คงจะเข้าใจกันดี

จึงคิดว่าอยากเรียนกับโรงเรียนสอนขับรถ เพราะน่าจะมีเทคนิคต่างๆ และเกิดการทะเลาะกันน้อยลง ( ผมคิดแบบนี้นะ 555 )

ก็ได้ทำการค้นหาในอินเตอร์เน็ต ก็ได้มีข้อมูลต่างๆ อยู่มากมาย ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

1.โรงเรียนสอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ในโรงเรียนได้เลย

แบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร แต่จะเพิ่มความสะดวกสบายโดยไม่ต้องไปอบรมและสอบที่ขนส่ง

แต่ก็จะมีแยกย่อยไปอีกเช่น เรียนขับรถอย่างเดียว แต่ไปสอบที่ขนส่งเอง ก็จะลดค่าใช้จ่ายมาได้ระดับหนึ่ง

ข้อดีของการสอบที่โรงเรียนสอนขับรถคือได้ความคุ้นเคยกับสนาม ซึ่งหากใครผ่านการทดสอบจากโรงเรียนขับรถดังกล่าวสามารถนำไปขับรองและยื่นที่ขนส่งได้ในทันที

2.โรงเรียนสอนขับรถพร้อมพาไปสอบใบขับขี่
แบบนี้จะมีราคาใช้จ่ายมากน้อยแตกต่างกันไป อัตราจะถูกกว่าข้อแรก แต่สุดท้ายครูจากโรงเรียนจะพาเราไปสอบกับขนส่งอีกที

ซึ่งวิธีนี้เราจะต้องดำเนินการอบรมและสอบกับขนส่งเอง

สรุปทั้งสองวิธีก็จะได้เทคนิคการขับรถอย่างแน่นอน

ทีนี้เมื่อผมได้ทำการลิสโรงเรียนสอนขับรถมาเพื่อพิจารณา เห็นได้ว่ามีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากสำหรับคนที่มีทุนน้อย

ถ้าเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ ราคาจะอยู่ประมาณ 5500 - 6000
ถ้าเรียนขับรถอย่างเดียวจะอยู่ที่ประมาณ 3000 - 4000

ทีนี้ผมก็ได้หาข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีของกรมขนส่งโดยตรงที่ได้เปิดสอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่อยู่เช่นกัน และราคาจะถูกกว่าโรงเรียนด้านบน

ก่อนอื่นผมไม่ได้จะมาโฆษณานะครับ แต่อันนี้คือประสบการณ์ตัวเอง




ส่วนที่เรียนจะอยู่ที่อาคาร 8 ตรงกรมขนส่งจตุจักรครับ

ถ้าใครที่ต้องการจะเรียนสามารถสมัครได้ตามวันและเวลาราชการ ส่วนเวลาเรียนจะเรียนนอกเวลาราขการครับ นั่นคือ จันทร์ ถึง ศุกร์ ตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงสองทุ่ม เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดต่างๆ ครับ

เริ่มแรกเลยเราต้องเตรียมหลักฐานในการรับสมัคร คือ
1.สำเนาบัตรประชาชน 2 ชุด
2.ใบรับรองแพทย์ 1 ชุด
3.รูปถ่าย 4 ใบ
4.ค่าสมัครเรียน 650 บาท
5.ค่าประกัน 2000 บาท (เงินในส่วนนี้ถ้าไม่ทำอะไรเสียหาย จะได้คืนหลังจากเรียนจบแล้ว)

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.dlt.go.th/th/driving-school/

และเมื่อสมัครเรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องไปทดสอบร่างกาย เช่น ตาบอดสี ตากว้าง ตาลึก โดยเราต้องระบุตามสีที่เห็น และทดสอบการเหยียบเบรค

จากนั้นให้เราเลือกระบบเกียร์ที่ต้องการจะเรียนมีทั้งเกียร์ธรรมดาและออโต้

สำหรับคนที่นำรถมาเรียนเองไม่ต้องเสียอะไรเพิ่มเติมครับ นำมาเรียนได้เลยให้ญาติหรือคนที่ขับรถเป็นมาส่งได้ แต่ใครที่ไม่มีรถต้องเช่ารถจากครูฝึกครับ ราคาเช่าก็ประมาณ 2700 บาท ตลอดหลักสูตร ซึ่งจะจ่ายให้กับครูฝึกในวันที่เรียน

จากนั้นจะมีให้เลือกวันอบรมครับ ซึ่งถ้าเลือกเร็วก็จะได้เรียนเร็ว โดยจะมีใบแจ้ง ซึ่งเราจะต้องนำใบนี้มาทุกครั้งที่เรียน

โดยการเรียนจะแบ่งเป็นอบรม 4 ชั่วโมง ( ตอนที่ผมเรียนเมื่อปี 2559 แค่ 4 ครับ แต่ปัจจุบันปรับเป็น 5 ชั่วโมง ) และเรียนปฏิบัติรวม 9 ชั่วโมง โดยจะให้เราขับแค่ในสนามไม่มีการออกถนนข้างนอกแต่อย่างใด ซึ่งครูจะให้เรียนวันละไม่เกิน 2 ชั่วโมง 

หากใครสะดวกเรียนทุกวันก็บอกครูที่สอนเราได้เลยครับ ครูจะได้จัดคิวให้เรา หรือใครว่างเฉพาะเสาร์อาทิตย์ก็นัดหมายกับครูได้เลยครับ ส่วนผมว่างทุกวันครับก็เลยได้เรียนต่อเนื่อง

เมื่อเรียนปฏิบัติจนครบ 9 ชั่วโมงแล้วครูจะส่งรายชื่อเราไปสอบครับ โดยเราจะสอบทุกวันพุธ ซึ่งการสอบนั้นจะเป็นทั้งข้อเขียนและสอบปฏิบัติตามแบบทดสอบของกรมขนส่ง ซึ่งการสอบปฏิบัตินั้นเราจะได้เปรียบตรงที่ความเคยชิน รู้จุดต่างๆ ในสนามเพื่อให้ผ่านการทดสอบได้อย่างง่ายดายครับ

เมื่อเราสอบผ่านแล้วให้เราไปยื่นตรงที่จุดรับสมัคร แต่ถ้าไม่ผ่านก็ต้องมาใหม่พุธหน้าครับ และพุธถัดไปจนกว่าจะผ่าน ซึ่งเมื่อเรายื่นแล้วก็จะได้รับใบนัดหมายมารับใบรับรองครับ

เมื่อถึงวันนัดหมายให้เรานำใบรับรองแพทย์ พร้อมใบเสร็จเงินค่าประกัน 2000 บาท แล้วจึงได้ใบรับรองครับ

ซึ่งเราต้องนำใบรับรองไปยื่นที่อาคาร 4 และรอรับบัตรคิวเพื่อทำใบขับขี่ครับ

เพียงเท่านี้ก็จะได้ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราวมาครอบครองแล้ว

อ่อ อย่างที่ผมบอกในช่วงแรกๆ ว่าตอนนั้นผมขับรถจักรยานยนต์เป็นอยู่แล้ว และถ้าหากใครยังไม่มีก็สามารถยื่นเรื่องทดสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ในวันนั้นได้เช่นกันครับ โดยที่ไม่ต้องอบรมใหม่ เพียงแค่ทดสอบข้อเขียนและปฏิบัติใหม่เท่านั้นเอง

เมื่อสอบผ่านก็สามารถมายื่นทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราวในวันนั้นได้เลยเช่นกัน

หากทำทุกขั้นตอนแล้วก็สามารถนำใบเสร็จไปยื่นรับเงินประกันคืนที่ อาคาร 2 ได้เลยนะครับ

ทั้งหมดนี่ก็คือสิ่งที่ผมนำมาบอกต่อนะครับ เผื่อใครที่สนใจอยากจะเรียนขับรถและมีใบขับขี่เป็นของตัวเองแบบถูกกฏหมาย ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถหรอกครับ ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจของเราครับ สู้ๆ

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น