ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกก่อนว่า เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ผมได้แอบไปดูดวง ในเรื่องนี้มาก่อนว่า "ในปีนี้จะมีโอกาส ไปต่างประเทศหรือไม่ " และก็ได้คำตอบกลับมาว่า " มีโอกาส แต่อาจจะมีปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้ไม่ได้ไป"
ซึ่งก่อนหน้าที่จะเดินทาง 2 เดือน ผมได้มีแพลนผ่าตัดที่แขนขวาพอดี และอีก 1 เดือนถัดมา ก็มีการผ่าตัดอีกรอบ ทำให้ในใจคิดว่าคงหายไม่ทันอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายแล้วผมก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ก็หายทันเวลา ส่วนหนึ่งต้องขอขอบคุณกำลังใจดีๆ จากคนรอบตัว ที่ทำให้ได้ไปลุย ปีนัง ในครั้งนี้
ก่อนวันเดินทาง ก็ได้มีการพูดคุยเบื้องต้นกับคนในทีมว่า เราจะไปไหนกันบ้าง รวมไปถึงที่พัก ซึ่งผมเองก็ได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่ง เขาบอกว่า
" ถ้าไปมาเลย์ ระวังเรื่องอาหารนะ "
" ทำไมหรอ อาหารที่นั่นไม่ดีหรอ "
" เปล่า ที่นั่นของจะจืด ถ้าจะให้ดีพกน้ำพริก น้ำปลาไปด้วยละกัน"
ผมเองก็คิดว่าเรื่องอะไร ที่แท้รสชาติไม่ถูกปากนั่นเอง แต่เอาเถอะ ไปลุยแบบรสชาติดั่งเดิม กันดีกว่า
ในการเดินทางครั้งนี้จะมีผู้ร่วมเดินทางด้วยกันประมาณ 45 คน มีการแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 5 คน และมีภารกิจให้ทำทั้งสิ้น 7 ภารกิจด้วยกัน
ซึ่งประกอบไปด้วย
1.เอามื้อสามัคคี : ถ่ายรูปหมู่ สั่งอาหารมาหนึ่งอย่างรับประทานด้วยกัน
2. Kids Bicycle : ถ่ายรูปหมู่คู่กับ Street Art รูปเด็กปั่นจักรยาน
3.ตามหาคนไทย : ให้ตามหาคนไทย พูดคุย และถ่ายรูปหมู่
4.ตามหาชาวต่างชาติ : ให้ตามหาชาวต่างชาติ พูดคุยและถ่ายรูปหมู่
5.นอนหมู่ : ให้ถ่ายรูปหมู่ในห้องนอนเดียวกัน
6.ร้องหมู่ : ให้อัดคลิปร้องเพลงด้วยกัน ตามสถานที่ท่องเที่ยว
7.บุญหมู่ : ให้หาสถานที่ทำบุญและถ่ายรูปหมู่
ซึ่งตอนแรกคิดว่าถ้าไม่มีภารกิจเราคงได้เที่ยวกันชิลๆ สะแล้ว แต่ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นความท้าทาย และทำกิจกรรมร่วมกันกับผู้ร่วมเดินทาง
แต่จริงๆ ตอนแรกผมก็แอบเซ็งอยู่นิดหน่อยๆ โดนย้ายกลุ่ม ต้องห่างไกลจากเพื่อน จากคนรัก ที่วางแผนมาด้วยกัน ไปอยู่อีกกลุ่มแบบเดียวดาย แต่พอมาได้อยู่กับอีกกลุ่มเราก็สามารถเข้าขากันได้อย่างรวดเร็ว และ ผมเองก็ถูกโหวตเป็นหัวหน้ากลุ่มไปโดยปริยาย
เท่าที่จำความได้การรับบทบาทหัวหน้า ก็ตอน ม. ต้น ที่เป็นหัวหน้าหมู่ลูกเสือ ในการนำทาง มาในครั้งนี้ก็เป็นหัวหน้าที่ต้องดูแลสาวๆ หลากหลายวัย จนทำตัวไม่ถูกเลย 5555
พอมาถึงหาดใหญ่เราก็ต้องผ่าน ตม. เพื่อตรวจพาสปอร์ต ด้วยความที่ว่า ก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ จินตนาการไปเรื่อยเปื่อยว่า เขาจะถามอะไรมั้ย เขาจะจี้ไปเข้าห้องเย็นหรือเปล่า ( ก็แหม ดูหนังมาเยอะ นี่นา เดี่ยวโดนล้วง จนเดินลำบากเอาน้าาาา ) คิดต่างๆ นานา แต่สุดท้ายเขาก็ถามแค่ว่า คุณจะไปไหน กี่วัน เท่านั้นเอง และก็ผ่านไปแบบชิลๆ
แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ชวนสงสัยก็คือ ตำรวจบ้านเขามักจะมาตั้งด่านเรียกเก็บเงินจากรถบ้านเรา จะมาแอบมาจอดเปิดไซเรนเอาไว้ ซึ่งจากการพูดคุยกับพี่รถตู้บอกว่าจำเป็นต้องจ่าย ถ้าไม่จ่ายก็มีปัญหายาว ทำเอาเสียเวลา เพราะฉะนั้นก็จ่ายๆ ให้เขาไป
แล้วคือแบบว่าหนีก็ไม่ได้ เพราะรถตำรวจเขาเร็วกว่ารถตู้เยอะ หนียังไงก็หนีไม่พ้น....
จากหาดใหญ่ถึงเกาะปีนังเราก็ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ในการเดินทาง จนในที่สุดเราก็ได้ก้าวข้ามสะพานปีนังแล้ว เย้!! โดยสะพานนี้เป็นสะพานที่ยาวที่สุดอันดับสองในประเทศมาเลเซียและอันดับห้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความยาวถึง 8.4 กิโลเมตร เรียกได้ว่าไกลมากๆ
ทีแรกคิดว่าจะกลั้นหายใจขอพรสะหน่อย แต่ไกลเกินไป แค่บอกสาธุๆ พิมพ์ 99 ก็น่าจะพอ แต่ลืมไปยังไม่ได้เปลี่ยนซิมเลย คงพิมพ์เม้นต์อะไรไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยให้รถวิ่งผ่านสายฝน ไปแบบชุ่มฉ่ำ
0 ความคิดเห็น