เมื่อช่วงคืนวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา Apple ใช้สถานที่ Flint Center เมือง Cupertino เปิดตัว iPhone รุ่นปี 2014 ด้วยกันทั้งสองรุ่นคือ iPhone 6 ที่มีขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว ซึ่งมีความบางของตัวเครื่องเพียง 6.9 มิลลิเมตร และ iPhone 6 Plus ที่มีขนาดหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว มีความบางเพียง 7.1 มิลลิเมตร การดีไซน์แบบไร้รอยต่อกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน ตัวเครื่องทำจากวัสดุอะลูมีเนียมชุบตัวสแตนเลสสตีล และกระจกที่ดูสวยงาม โดยมีให้เลือก 3 สีด้วยกัน คือ เงิน ทอง และ เทาสเปชเกรย์
ส่วนของหน้าจอ ทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมหน้าจอแบบ Retina HD ที่มีความละเอียดที่มากึ้น แสดงผลได้คมชัดมากขึ้น การแสดงผลพิกซลแบบ Dual-domain ถ่ายทอดสีสันสมจริงในมุมมองที่กว้างกว่าและคัดแสงสะท้อนที่ดีขึ้น นอกจากนี้แล้วยังมีคุณสมบัติแสดงการซูมหรือ Display Zoom ที่จะดูแอพและคอนเทนต์ต่างๆได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
รุ่น iPhone 6 Plus นั้นยังมาพร้อมกับมุมมองแนวนอน เพื่อให้สามารถใช้งานจากหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นได้อย่างเต็มที่ ที่สามารถรองรับการใช้งาน อย่าง เมล ปฏิทิน แลละหุ้นเพื่อให้ใช้งานได้อยางมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในส่วนการประมวลผลทั้งสองรุ่นจะใช้ชิพ A8 ใช้เทคโนโลยีการประมวลผลแบบ 20 นาโนเมตร ที่มีประสิทธิภาพการทำงานมากกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่าชิพ A7 ถึง 50% และยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ Metal ที่สามารถแสดงผลกราฟิกที่ละเอียดและเอฟเฟ็กต์ได้ดีมากขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับชิพ M8 ที่จะช่วยประมวลผลร่วมในการตรวจจับความเคลื่อนไหว เข็มทิศ ไจโรสโคป ที่จะช่วยแบ่งเบาการทำงานของชิพ A8
ตัวกล้องนั้นจะเรียกว่า iSight ที่มีความละเอียดถึง 8 ล้านพิกเซลและมีขนาดใหญ่ถึง 1.5 ไมครอน รูรับแสงขนาด ƒ/2.2 ยังสามารถรองรับการถ่ายวีดีโอระดับ Full HD 1080p ที่ 60fps หรือวีดีโอสโลวืโมชั่นที่ 240 fps ก็สามารถทำได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีระบบเซนเซอร์ใหม่ Focus Pixel , ระบบตรวจจับใบหน้าที่แม่นยำขึ้น , ควบคุมค่าแสง , ระบบป้องกันภาพสั่นไหว และการถ่ายภาพแบบพาโนรามา
ในส่วนของกล้อง Facetime HD ด้านหน้ามาพร้อมความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล รูรับแสง ƒ/ 2.2 สามารถรับแสงได้มากขึ้น 81% และมีโหมดถ่ายภาพรัวต่อเนื่องแบบใหม่ที่จับภาพได้ถึง 10 ภาพต่อวินาที และรองรับการถ่ายวีดีโอที่ 720p
ในด้านการเชื่อมต่อไร้สายมาพร้อมกับความเร็วในการดาวน์โหลดที่สูงขึ้น เชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆได้ทั่วโลก และยังรองรับการรองรับมาตรฐานแบบ 802.11ac ใหม่ ที่รวดเร็วกว่า 802.11n ถึง 3 เท่า
ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยในการอ่านลายนิ้วมือ Touch ID ที่สามารถอ่านลายนิ้วมือได้ถึง 360 องศา ไม่ว่าจะหมุนเครื่องในแนวตั้ง แนวนอน หรือเอียง ก็สามารถอ่านลายนิ้วมือได้เช่นกัน โดยเบื้องหลังของเทคโนโลยี Touch ID ยู่ใต้พื้นผิวของปุ่มโฮมวงแหวนสแตนเลสรอบๆ ปุ่มจะตรวจจับนิ้วมือ และเปิดการทำงานของเซ็นเซอร์สัมผัสแบบ Capacitive พื้นผิวของปุ่มซึ่งทำมาจากผลึกแซฟไฟร์ที่ตัดด้วยเลเซอร์ ที่ใช้ในการอ่านลายนิ้วมือนั่นเอง
สุดท้ายทั้งสองรุ่นนี้ก็จะมาพร้อมกับ iOS 8 ที่มาพร้อมกับลูกเล่นใหม่ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการส่งข้อความที่สนุกตื่นเต้นและมีประโยชน์ยิ่งขึ้น ข้อมูลด้านสุขภาพและฟิตเนส Quick Type ระบบคีย์บอร์ดอัจฉริยะ การจัดการรูปภาพ เป็นต้น
สำหรับการวางจำหน่ายนั้น iPhone 6 และ iPhone 6 Plus นั้นจะวางจำหน่าย 3 รุ่นก็คือ 16GB , 32GB , 64GB โดย 9 ประเทศแรกที่จะถูกวางจำหน่ายก็คือ อเมริกา , ฝรั่งเศส , ฮ่องกง , แคนาดา, เยอรมัน , สิงคโปร์ , อังกฤษ, ออสเตรเลีย และ ญี่ปุ่น ซึ่งจะเริ่มให้มีการสั่งจองในวันที่ 12 กันยายนนี้และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 19 กันยายนนี้ เป็นต้นไป
ที่มา : apple.com
เรียบเรียงโดย : Pae Patter
0 ความคิดเห็น