One Day Story : เกาะเกร็ดมนต์เสน่ห์แห่งวิถีชาวมอญ

ในวันหยุดพักผ่อนช่วงเสาร์-อาทิตย์ สำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ ไปไหว้พระ ทำบุญ หรือว่าจะหาของอร่อยกิน และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ผมต้องขอแนะนำที่นี่เลย เกาะเกร็ด มนต์เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตชาวมอญ จังหวัด นนทบุรี นี่เอง รับรองว่าถ้าใครได้มาสัมผัสกับที่ดีต้องประทับใจอย่างแน่นอน



ก่อนอื่นเลยผมก็ต้องขอเล่า ที่มาที่ไปของเกาะเกร็ดกันก่อนนะครับ

เกาะเกร็ด ตั้งอยู่ที่อำเภอ ปากเกร็ด จังหวัด นนทบุรี ซึ่งผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่จะเป็นคนไทยเชื้อสายมอญกันสะส่วนใหญ่ เกาะเกร็ดแห่งนี้เกิดจากการขุดคลองลัดแม่น้ำเข้าพระยา เมื่อปี พ.ศ.2265 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ และเรียกคลองที่ขุดนี้ว่า "คลองลัดเกร็ด" ต่อมาได้เกิดการเปลี่ยนทิศทางของกระแสน้ำและการกัดเซาะจนทำให้คลองแห่งนี้ขยายขึ้น จนกลายเป็น "แม่น้ำลัดเกร็ด" ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการระบุโฉนดที่เดินแห่งนี้ว่า "เกาะศาลากุล" เมื่อมีการตั้งอำเภอปากเกร็ด ขึ้นมา จึงเรียกเกาะนี้ว่า "เกาะเกร็ด"

อธิบายความเป็นมาของเกาะนี้มาพอสังเขปแล้ว มาเริ่มเดินทางกันดีกว่า เย้!!


เริ่มแรกนั้นให้เราเดินทางมาที่วัดสนามเหนือเสียก่อน ในการเดินทางมาที่นี่สามารถจะมาทางรถหรือทางเรือก็ได้ ถ้าหากมาทางเรือให้เหมาเรือหางยาวจากท่าน้ำนนท์มาจะสะดวกที่สุด หรือจะนั่งมอ'ไซต์รับจ้างมาก็ได้ แต่ราคาก็ค่อนข้างสูงนิดหน่อย เพราะระยะทางไกลพอสมควร หรือ ถ้ามารถประจำทางหรือรถส่วนตัว ก็ให้มาลงแถวๆ ปากเกร็ด  แล้วสอบถามเส้นทางแถวนั้นก็จะทำให้มาสะดวกยิ่งขึ้น เมื่อมาถึงวัดสนามเหนือแล้วก็จะมีท่าเรือข้ามฟากได้ยังเกาะเกร็ด ซึ่งจะจอดตรงท่าเรือวัดปรมัยยิกาวาส ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเกร็ดนั่นเอง




เมื่อเดินทางมาถึงเกาะเกร็ดสิ่งแรกที่ต้องทำคือ กราบไว้พระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอพร เป็นสิริมงคล ที่ได้มาเยือน ณ ที่แห่งนี้ ผมก็ได้เดินทางไปกราบไว้ที่พระอุโบสถ วัดปรมัยยิกาวาส จะเป็นที่ประดิษฐาน ของพระประธาน พระโมคคัลลานะ และพระสารีบุตร ซึ่งภายในพระอุโบสถยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง สมัยรัชการที่ 5 อีกด้วย ด้านหลังของพระอุโบสถก็จะเป็นที่ตั้งของพระมหารามัญเจดีย์ ในสมัยรัชการที่ 5 ด้วย


นอกจากพระมหารามัญเจดีย์แล้ว ยังมีอีกเจดีย์หนึ่งที่เรียกได้ว่า เป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ด นั่นก็คือเจดีย์มุตาหรือเจดีย์เอียง ที่ตั้งอยู่บริเวณริมน้ำของวัด



ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ที่อยู่ในวิหารหลังพระอุโบสถที่มีความสวยงดงาม เป็นอย่างยิ่ง ทำให้ผู้ที่มากราบไหว้ เกิดความประทับใจเป็นอย่างมาก



หลังจากที่ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รอบบริเวณวัดแล้ว ผมก็ได้เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์หอไทยนิทัศน์เครื่องปั้นดินเผา จะมีด้วยกัน 2 ชั้น คือ ชั้นล่างจะเป็นแหล่งรวบรวมเครื่องปั้นดินเผาโบราณจากภาคต่างๆมาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน และบังเอิญจังหวะที่ผมมาก็มีสาธิตการทำเครื่องปั้นดินเผาพอดีเลย


 
 


ชั้นบนจะเป็นที่จัดเก็บสิ่งของหลากหลายประเภทเช่น สิ่งของในพระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ , สิ่งของที่เจ้าอาวาสได้รับการถวายในวาระสำคัญของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักกรี , สิ่งของในวัฒนธรรมประเพณีมอญ และยังมีห้องที่รวบรวมคัมภีร์รามัญ ซึ่งเป็นคัมภีร์มอญ ไว้เป็นจำนวนมาก

 
 

เมื่อเราได้สำรวจทั้งในพิพิธภัณฑ์และบริเวณวัดแล้ว ทีนี้ก็ออกเดินทางไปยังสถานที่อื่นๆ แต่สำหรับการมาครั้งแรกของผมนั้นคือต้องดูแผนที่ จากข้อมูลที่มีมาถ้าหากเราจะเดินทางรอบเกาะ จะมีระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ถ้าเดินคงต้องขาลาก เหนื่อยแน่ๆ แต่ก็มีร้านให้เช่าจักรยาน ให้นักท่องเที่ยวปั่นได้รอบเกาะ



สำหรับผมแล้วการเดินทาง ก็ต้องเดินสิ คงไม่ใช่จักรยานหรอก 555 เพราะที่จะได้สำรวจได้อย่างเต็มที่ ก็คงต้องเดินตามเส้นทางที่แผนที่บอก โดยมีเป้าหมายหลักที่ย่านชมโรงปั้นหมูที่ 6 นั่นเอง เห็นว่าที่นี่มีสาธิตการปั้นเครื่องปั้นดินเผาสะด้วย


เริ่มแรกก็คงต้องเริ่มจากวัดปรมัยยิกาวาสอย่างแน่นอน ตามเส้นทางนั้นก็ได้พบกับของกินยอดฮิตอย่างทอดมันหน่อกะลา และ ผักทอดนั่นเอง จากการสอบถามมาว่าทำไมถึงเรียกว่า ทอดมันหน่อกะลา ก็พบว่าเขาจะใช้ ต้นหน่อกะลา แทนการใส่ถั่วฝักยาว นั้นเองครับ


เดินมาเรื่อยๆก็จะพบร้านขายขนมขบเคี้ยวโบราณ ที่เราเคยกินกันตอนสมัยยังเด็กๆ ที่ในปัจจุบันไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านทั่วไปแล้ว และยังมีของเล่นอีกชิ้นหนึ่ง ที่ผมไม่เคยได้เล่นมาก่อน เคยได้ยินแต่รุ่นพ่อแม่ เล่าให้ฟัง นั่นคือ เรือป๊อกแป๊ก ซึ่งหลักการของเรือลำนี้ก็คือ เพียงแค่จุดเทียน เรือก็สามารถวิ่งได้ในทันที



เดินมาได้สักพักก็จะพบกับป้ายทางเข้าไปยัง หมู่บ้านโอ่งอ่าง



เพียงแค่ก้าวแรกที่เข้าไปก็จะพบกับร้านขายเสื้อที่ระลึกและเดินไปอีกหน่อยก็จะพบกับร้านขายเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งสังเกตุได้ว่าจะมีร้านค้าขายเครื่องปั้นดินเผาอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากสินค้าขึ้นชื่อของที่นี่เป็นเครื่องปั้นดินเผานั้นเอง



จากเส้นทางที่เดินนอกจากมีเครื่องปั้นดินเผาแล้ว แทบจะทุกๆ 10 ก้าว จะพบกับของกินตลอดเส้นทาง มีทั้งขนมและอาหารนานาชนิดที่หารับประทานได้ยาก อย่างเช่นร้านขาย ขนมไข่ปลา ผมเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน และมาเห็นที่นี่ที่แรก พ่อค้าก็ได้ทำให้ดูกันสดๆ และแพคใส่กล่อง ไว้เป็นอย่างดี


และก็เดินทางมาอีกไม่เท่าไหรก็มีร้านของกินแล้ว ทำให้ผมอยากจะแวะชิมทุกร้านเลยทีเดียว อย่างขนมอาหารที่ไม่เคยเห็นไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน เช่น ถุงทอง ขนมจีบไทย ขนมวง ช่อม่วง รับรองว่าถ้าหากชิมทุกร้านมีแววอิ่มทั้งวัน จนพุงออกแน่นอน

 
 

เมื่อเดินมาได้สักระยะก็จะพบกับอีกวัดก็คือ วัดไผ่ล้อม จากข้อมูลวัดนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย จุดเด่นของวัดนี้คือมีโบสถ์ที่สวยงามทำให้นักท่องเที่ยวที่แวะไปมา กราบไหว้เป็นจำนวนมาก


บริเวณวัดไผ่ล้อมก็จะมีการแสดง ร่ายรำ ตามประเพณีของชาวมอญ ได้จัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันแบบฟรี ทำให้ได้ความสนุก และเพลิดเพลินที่ได้รับชม ซึ่งผมนั้นก็ได้นั่งชมการแสดงที่เรียกว่า ระบำม้า จากน้องๆ จนจบ ถือว่าได้ว่าได้ความสนุกสนานและเพลิดเพลินในการรับชมได้เป็นอย่างยิ่ง



เมื่อชมการแสดงจบผมก็เดินออกมาจากบริเวณนั้น ก็ได้พบพ่อค้าคนหนึ่งกับลังแกะสลักเครื่องปั้นดินเผาอย่างบรรจง เห็นได้ว่ากว่าจะได้มาแต่ละลายนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ


และผมก็ได้เดินทางต่อมายังโรงงานเครื่องปั้นดินเผาป้าตุ้ม ที่อยู่บริเวณหมู่ 6 ซึ่งเป็นจุดหมายที่ผมจะมารับชมสาธิตวิธีการปั้นเครื่องปั้นดินเผาให้ดูกันแบบสดๆ เห็นได้ว่าโรงงานนี้มีเครื่องปั้นดินเผามากมาย ผมก็ได้ยืนดูวิธีการปั้นตั้งแต่เป็นก้อนดินจนถึงรูป เห็นได้ว่าต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญเป็นอย่างมาก ( ถ้าให้ตัวผมไปปั้นเองคงเละ พัง ตั้งแต่แรกเริ้มอย่างแน่นอน 555 )




ในบริเวณโรงงานยังมีให้ชมเตาเผาแบบดั่งเดิมขนาดใหญ่ประมาณรถไฟฟ้าหนึ่งตู้เลยทีเดียว ซึ่งในการเผาจะต้องเผาด้วยความร้อนสูงเพื่อที่จะให้ดินนั้นแข็งตัวและเกิดผลงานเป็นเครื่องปั้นดินเผา อย่างที่เราเห็นกันนั่นเอง



หลังจากที่ได้ชมสาธิตวิธีการทำแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะสำรวจที่อื่นต่อ ตามเส้นทางที่เดินไปนั้นก็ยังพบว่ามีร้านของกินและเครื่องปั้นดินเผาขายตลอดเส้นทาง ก็ได้พบกับร้านขนมร้านหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวไปซื้อกันมาก นั่นคือ ร้านแม่ทองเดิม ที่ขายขนมไทย จดเด่นของร้านนี้ก็คือ จะย่อขนาดขนมไทยให้พอดีคำ โดยให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อขนมเองได้ตามใจชอบ


ถัดมาไม่ไกลก็จะเป็นร้านกาแฟสดที่ออกแบบร้านแนววินเทจ ที่ชื่อว่า Coffee Country ตกแต่งภายในด้วยไม้ทำให้ได้ความน่าสนมากเลยทีเดียว และยังมีกาแฟที่ราคาไม่แพงมากนักและขนมถ้วยที่แสนอร่อย



เมื่อเดินต่อมาเรื่อยๆ ก็จะพบกับอีกหนึ่งวัดก็คือ วัดเสาธงทอง ซึ่งจะมีเจดีย์ย่อมุมสิบสองขนาดใหญ่อยู่หลังโบสถ์ เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเขตอำเภอปากเกร็ด พร้อมกับมีต้นยางอายุนับร้อยปีในบริเวณวัดอีกด้วย



จากจุดหนึ่งบริเวณที่ท่าน้ำของวัดนี้ เมื่อเรามองไปยังฝั่งตรงข้าม จะเห็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่บริเวณริมน้ำในวัดบางจาก ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้ผู้ที่สัญจรทางน้ำหรือแม้แต่ผู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อได้เห็นเป็นภาพที่สวยงามเป็นอย่างมาก


เวลานี้ก็เป็นช่วงเวลาที่เย็นแล้วบวกกับมีเมฆฝนที่กำลังจะมา ผมจึงตัดสินใจที่เดินกลับทางเดิม และซื้อของกลับไปฝากที่บ้าน ในระหว่างทางนั้นผมก็ได้เห็นลุงท่านหนึงกำลังดีดกีตาร์ ร้องเพลงอย่างไพเราะ พร้อมกับตั้งกล่องรับบริจากช่วยเหลือแมว เนื่องจากลุงเขาได้เลี้ยงแมวไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความประทับใจและช่วยสนับสนุนในการเลี้ยงดูแมวที่ลุงเลี้ยงไว้เช่นกัน


และผมก็ได้พบกับร้านถ่ายรูปที่ระลึก ที่เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวเก็บความทรงจำ ไม่ว่าจะมากับครอบครัว หรือ คนรัก แฟน ก็มีบริการถ่ายรูปไว้เก็บเป็นความทรงจำ ( ลึกๆ ก็แอบอิจฉาคู่รักที่มีเที่ยวด้วยกันนะเนี่ย )




ก่อนที่จะถึงท่าน้ำวัดปรมัยยิกาวาส ก็ได้เห็นบอร์ดที่แสดงภาพต่างๆ เมื่อปี พ.ศ.2554 ตอนเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ในช่วงนั้นน้ำได้ท่วมสูงเป็นอย่างมาก จนพระในวัดต้องมาบิณฑบาตท่ามกลางน้ำท่วมกันเลยทีเดียว



จากการสัมผัสเกาะเกร็ดนับได้ว่าเป็นที่ที่เหมาะกับการเที่ยวในช่วงวันหยุดหรือจะมาทำบุญไม่ว่าจะวัดเดียวหรือไหว้พระ 9 วัด ก็เหมาะสมเช่นกัน เนื่องจากบริเวณพื้นที่โดยรอบๆ ก็มีวัดอยู่มากเช่นกัน และเดินทางไม่ไกลกันมากก็ครบ 9 วัดในวันเดียวแล้ว


และแล้วก็ได้เวลาอำลาในการเดินทางเกราะเกร็ดครั้งนี้ เรียกได้ว่ามาเที่ยวเพียงวันเดียว ก็ได้ความประทับใจ ทั้งการไหว้พระ ทำบุญ ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวมอญ การแสดงของชาวมอญที่หาดูได้ยาก และที่สำคัญผลงานการทำเครื่องปั้นดินเผา ทำให้เรารู้ว่า "กว่าที่เราจะได้ผลงานแต่ละชิ้นนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยประสบการณ์และใจรัก จะทำให้ผลงานนั้นออกมาได้ดีเยี่ยม " นับได้ว่าการเดินทาง One Day Story ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่อยากจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง




แสดงความคิดเห็น

1 ความคิดเห็น

Unknown กล่าวว่า
ข้อมูลเจ๋งมากคะ